สาระสำคัญภายในบทความ
การออกแบบแบบหล่อคอนกรีตให้แข็งแรงและปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญในงานก่อสร้าง โดยเฉพาะเมื่อต้องรับน้ำหนักคอนกรีตสดและแรงสั่นสะเทือนจากการเท Base Beam และ Top Beam เป็นสองส่วนประกอบหลักที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความมั่นใจในการทำงาน

Base Beam: คานหลักรับน้ำหนัก
Base Beam ทำหน้าที่เป็นคานหลักที่รับน้ำหนักจากแบบหล่อและส่งต่อไปยังโครงสร้างรองรับ โดยทั่วไปทำจากเหล็กกล้าแข็งแรง STK500 มีขนาดมาตรฐานเช่น 200x161 มม. สามารถรับโมเมนต์ดัดได้สูงและลดการโก่งตัวได้เป็นอย่างดี
จากการทดสอบพบว่า Base Beam สามารถรับน้ำหนักได้สูงถึง 15.7 ตัน โดยมีค่า Safety Working Load (SWL) อยู่ที่ 75 kN เมื่อใช้ Safety Factor 2.0 ซึ่งเพียงพอสำหรับการรองรับน้ำหนักคอนกรีตและแรงกระทำอื่นๆ ในการใช้งานจริง
Top Beam: คานรองรับแบบฟอร์ม
Top Beam หรือคานรองรับแบบฟอร์ม มักมีขนาด 135x50 มม. ทำหน้าที่กระจายน้ำหนักจากแผ่นแบบ (Plywood) ไปยัง Base Beam โดยตรง การวาง Top Beam ในระยะห่างประมาณ 0.35 เมตรช่วยให้แบบหล่อรับแรงดันคอนกรีตได้อย่างสม่ำเสมอ
จากการทดสอบพบว่า Top Beam ขนาด 1.8 เมตร สามารถรับน้ำหนักได้มากถึง 4,050 กก. โดยมีการโก่งตัวน้อยกว่าเกณฑ์ที่ยอมรับได้ ทำให้มั่นใจได้ว่าแบบหล่อจะไม่เสียรูประหว่างการเทคอนกรีต

ข้อดีของการใช้แบบหล่อ Base Beam และ Top Beam
- ลดการโก่งตัว – การใช้ Base Beam และ Top Beam ช่วยกระจายน้ำหนักได้ดี ลดการเสียรูปของแบบหล่อ
- ผิวคอนกรีตสวย – Top beam Base Beam แข็งแรงทำให้ได้ผิวคอนกรีตที่เรียบตรงสวยงาม
- ติดตั้งและรื้อถอนง่าย – ระบบแบบมอดูลาร์ช่วยประหยัดเวลาและแรงงาน
- ปลอดภัย – ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานวิศวกรรม และมีปัจจัยความปลอดภัยที่เหมาะสม
- ประหยัดค่าใช้จ่าย – สามารถใช้ซ้ำได้หลายครั้ง คุ้มค่ากับการลงทุน
สรุป
การออกแบบแบบหล่อคอนกรีตด้วย Base Beam และ Top Beam ไม่เพียงช่วยให้งานก่อสร้างเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังมั่นใจในความปลอดภัยและความแข็งแรงของโครงสร้าง หากเลือกใช้อย่างถูกต้องตามหลักวิศวกรรม จะช่วยลดปัญหา during การเทคอนกรีตและเพิ่มคุณภาพงานได้อย่างเห็นได้ชัด




